สงกรานต์นี้ ขับรถลุยน้ำต้องระวังอะไร?
รู้ไว้ก่อนเปียก จะได้ไม่ต้องเสียทั้งอารมณ์และค่าซ่อม!
ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย ทั้งการกลับบ้าน เที่ยวต่างจังหวัด หรือไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แต่สิ่งที่มาคู่กันแบบเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “น้ำ” ทั้งน้ำที่ขังบนถนนเพราะฝน น้ำที่สาดจากผู้คน หรือแม้แต่น้ำที่รถเราต้องลุยผ่านทางที่ท่วมเบาๆ
แม้การขับรถลุยน้ำอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริง อาจเป็นต้นเหตุให้รถคุณพังแบบไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักระวังหรือเตรียมตัวให้ดี วันนี้เรารวม สิ่งที่ต้องระวังเมื่อขับรถลุยน้ำช่วงสงกรานต์ มาให้แบบละเอียด ช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องรถเสียกลางทางแน่นอน
1. ระบบไฟฟ้าในรถ – จุดเสี่ยงอันดับ 1 ที่หลายคนมองข้าม
ระบบไฟฟ้าในรถยนต์มีความซับซ้อนและสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นกล่องควบคุม ECU เซ็นเซอร์ต่างๆ หรือสายไฟ ถ้าน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ เครื่องรวน, ไฟโชว์ผิดปกติ หรือแย่ที่สุดคือรถดับกลางทาง และถ้ารุนแรง อาจต้องเปลี่ยนกล่อง ECU ใหม่ ซึ่งราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนเลยทีเดียว!
ทางแก้:
- หลีกเลี่ยงถนนที่มีน้ำท่วมขัง หรือไม่แน่ใจว่าลึกแค่ไหน
- ถ้าจำเป็นต้องขับผ่าน ควรขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่เร่งเครื่อง เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นเข้าส่วนสำคัญ
- หลังจากลุยน้ำ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กระบบไฟฟ้าเบื้องต้นโดยช่าง
2. แบตเตอรี่ – แหล่งพลังงานที่พังง่ายกว่าที่คิด
แบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจของรถ ถ้าน้ำเข้าขั้วแบต หรือเกิดความชื้นสะสมมากเกินไป จะทำให้เกิดสนิม ลัดวงจร หรือแบตเสื่อมไวโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจเกิดขึ้นตอนคุณจอดแวะปั๊มหรือกลางทางขากลับบ้านก็ได้
ทางแก้:
- เช็กให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่แน่นหนา ขั้วไม่หลวม และไม่มีคราบสนิม
- หลังลุยน้ำ ควรเช็ดขั้วแบตให้แห้ง และหมั่นสังเกตไฟหน้าปัดรถมีความผิดปกติหรือไม่
- ถ้าแบตเริ่มเก่า (เกิน 2 ปี) ควรเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทางไกล
3. ระบบเบรก – เปียกปุ๊บ เสี่ยงลื่นปั๊บ
น้ำที่เข้าไปในระบบเบรกจะทำให้ ประสิทธิภาพในการหยุดรถลดลง โดยเฉพาะผ้าเบรกที่เปียก อาจทำให้เสียงดัง เบรกแล้วรู้สึกเบาหรือไม่มั่นใจ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในถนนลื่นหรือช่วงรถติด
ทางแก้:
- หลังผ่านน้ำควรเหยียบเบรกเบาๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากจานเบรก
- ถ้าได้ยินเสียงเบรกดังผิดปกติหรือรู้สึกเบรกไม่อยู่ ควรเข้าตรวจสอบทันที
- หลีกเลี่ยงการขับเร็วในพื้นที่น้ำขัง เพราะจะยิ่งทำให้เบรกเสียหายหนักขึ้น
4. เครื่องยนต์ – น้ำเข้าเมื่อไหร่ ซ่อมยาวแน่นอน
น้ำที่เข้าไปในเครื่องยนต์โดยเฉพาะผ่านทาง ท่ออากาศ (Air Intake) หรือ ท่อไอเสีย เป็นอันตรายสุดๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการ “วาล์วงัด” หรือ “Hydro Lock” ซึ่งก็คือ น้ำเข้าไปแทนที่อากาศในห้องเผาไหม้ ทำให้ลูกสูบกระแทกเครื่องยนต์เสียหาย และถ้าดันทุรังสตาร์ทซ้ำๆ บอกเลยว่ายกเครื่องใหม่แน่นอน
ทางแก้:
- หลีกเลี่ยงถนนที่น้ำลึกเกินครึ่งล้อ โดยเฉพาะรถโหลดต่ำ
- ถ้ารถดับกลางน้ำ ห้ามสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด ควรเรียกรถลากหรือช่างช่วยตรวจเช็กก่อน
- ใช้รอบต่ำในการขับผ่านน้ำ เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นเข้าส่วนต่างๆ
5. ทัศนวิสัยในการขับ – น้ำเยอะ รถเยอะ ต้องมีสติตลอดเวลา
น้ำที่ถูกสาดเข้ากระจกหน้ารถแรงๆ โดยเฉพาะจากรถคันหน้า หรือจากการเล่นน้ำ อาจทำให้คุณมองไม่เห็นทางชั่วขณะ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการชนรถคันหน้า หรือพลาดการหลบหลุมถนนได้ง่ายมาก
ทางแก้:
- ตรวจสอบยางปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งานเสมอ และเปลี่ยนใหม่หากเริ่มเสื่อม
- เติมน้ำฉีดกระจกไว้ให้เต็มเสมอ
- เว้นระยะจากรถคันหน้า และขับอย่างมีสติทุกสถานการณ์
สรุป : อย่าให้ “น้ำ” ทำให้สงกรานต์ของคุณพัง! สงกรานต์คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ถ้ารถพังเพราะไม่ระวังตอนลุยน้ำ ความสุขก็อาจกลายเป็นฝันร้ายได้ง่ายๆ อย่าลืมเตรียมรถให้พร้อม ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ เบรก และเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทาง และถ้าต้องลุยน้ำจริงๆ ควรขับอย่างมีสติ ไม่ประมาท จะได้เที่ยวอย่างสนุกและปลอดภัยทั้งคนและรถ!