สาระน่ารู้ » รถพังเพราะน้ำ! 5 จุดที่คนส่วนใหญ่ “มองข้าม” ช่วงสงกรานต์

รถพังเพราะน้ำ! 5 จุดที่คนส่วนใหญ่ “มองข้าม” ช่วงสงกรานต์

8 เมษายน 2025
37   0

สงกรานต์นี้ ขับรถลุยน้ำต้องระวังอะไร?

รู้ไว้ก่อนเปียก จะได้ไม่ต้องเสียทั้งอารมณ์และค่าซ่อม!

ช่วงสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย ทั้งการกลับบ้าน เที่ยวต่างจังหวัด หรือไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แต่สิ่งที่มาคู่กันแบบเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “น้ำ” ทั้งน้ำที่ขังบนถนนเพราะฝน น้ำที่สาดจากผู้คน หรือแม้แต่น้ำที่รถเราต้องลุยผ่านทางที่ท่วมเบาๆ

แม้การขับรถลุยน้ำอาจดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความเป็นจริง อาจเป็นต้นเหตุให้รถคุณพังแบบไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักระวังหรือเตรียมตัวให้ดี วันนี้เรารวม สิ่งที่ต้องระวังเมื่อขับรถลุยน้ำช่วงสงกรานต์ มาให้แบบละเอียด ช่วยให้คุณเที่ยวได้อย่างอุ่นใจ ไม่ต้องปวดหัวเรื่องรถเสียกลางทางแน่นอน

1.  ระบบไฟฟ้าในรถ – จุดเสี่ยงอันดับ 1 ที่หลายคนมองข้าม

ระบบไฟฟ้าในรถยนต์มีความซับซ้อนและสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นกล่องควบคุม ECU เซ็นเซอร์ต่างๆ หรือสายไฟ ถ้าน้ำเข้าระบบไฟฟ้าแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ เครื่องรวน, ไฟโชว์ผิดปกติ หรือแย่ที่สุดคือรถดับกลางทาง และถ้ารุนแรง อาจต้องเปลี่ยนกล่อง ECU ใหม่ ซึ่งราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนเลยทีเดียว!

ทางแก้:

  1. หลีกเลี่ยงถนนที่มีน้ำท่วมขัง หรือไม่แน่ใจว่าลึกแค่ไหน
  2. ถ้าจำเป็นต้องขับผ่าน ควรขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่เร่งเครื่อง เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นเข้าส่วนสำคัญ
  3. หลังจากลุยน้ำ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กระบบไฟฟ้าเบื้องต้นโดยช่าง

2.  แบตเตอรี่ – แหล่งพลังงานที่พังง่ายกว่าที่คิด

แบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจของรถ ถ้าน้ำเข้าขั้วแบต หรือเกิดความชื้นสะสมมากเกินไป จะทำให้เกิดสนิม ลัดวงจร หรือแบตเสื่อมไวโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจเกิดขึ้นตอนคุณจอดแวะปั๊มหรือกลางทางขากลับบ้านก็ได้

ทางแก้:

  1. เช็กให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่แน่นหนา ขั้วไม่หลวม และไม่มีคราบสนิม
  2. หลังลุยน้ำ ควรเช็ดขั้วแบตให้แห้ง และหมั่นสังเกตไฟหน้าปัดรถมีความผิดปกติหรือไม่
  3. ถ้าแบตเริ่มเก่า (เกิน 2 ปี) ควรเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทางไกล

3.  ระบบเบรก – เปียกปุ๊บ เสี่ยงลื่นปั๊บ

น้ำที่เข้าไปในระบบเบรกจะทำให้ ประสิทธิภาพในการหยุดรถลดลง โดยเฉพาะผ้าเบรกที่เปียก อาจทำให้เสียงดัง เบรกแล้วรู้สึกเบาหรือไม่มั่นใจ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในถนนลื่นหรือช่วงรถติด

ทางแก้:

  1. หลังผ่านน้ำควรเหยียบเบรกเบาๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากจานเบรก
  2. ถ้าได้ยินเสียงเบรกดังผิดปกติหรือรู้สึกเบรกไม่อยู่ ควรเข้าตรวจสอบทันที
  3. หลีกเลี่ยงการขับเร็วในพื้นที่น้ำขัง เพราะจะยิ่งทำให้เบรกเสียหายหนักขึ้น

4.  เครื่องยนต์ – น้ำเข้าเมื่อไหร่ ซ่อมยาวแน่นอน

น้ำที่เข้าไปในเครื่องยนต์โดยเฉพาะผ่านทาง ท่ออากาศ (Air Intake) หรือ ท่อไอเสีย เป็นอันตรายสุดๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการ “วาล์วงัด” หรือ “Hydro Lock” ซึ่งก็คือ น้ำเข้าไปแทนที่อากาศในห้องเผาไหม้ ทำให้ลูกสูบกระแทกเครื่องยนต์เสียหาย และถ้าดันทุรังสตาร์ทซ้ำๆ บอกเลยว่ายกเครื่องใหม่แน่นอน

ทางแก้:

  1. หลีกเลี่ยงถนนที่น้ำลึกเกินครึ่งล้อ โดยเฉพาะรถโหลดต่ำ
  2. ถ้ารถดับกลางน้ำ ห้ามสตาร์ทเครื่องเด็ดขาด ควรเรียกรถลากหรือช่างช่วยตรวจเช็กก่อน
  3. ใช้รอบต่ำในการขับผ่านน้ำ เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นเข้าส่วนต่างๆ

5.  ทัศนวิสัยในการขับ – น้ำเยอะ รถเยอะ ต้องมีสติตลอดเวลา

น้ำที่ถูกสาดเข้ากระจกหน้ารถแรงๆ โดยเฉพาะจากรถคันหน้า หรือจากการเล่นน้ำ อาจทำให้คุณมองไม่เห็นทางชั่วขณะ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการชนรถคันหน้า หรือพลาดการหลบหลุมถนนได้ง่ายมาก

ทางแก้:

  1. ตรวจสอบยางปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งานเสมอ และเปลี่ยนใหม่หากเริ่มเสื่อม
  2. เติมน้ำฉีดกระจกไว้ให้เต็มเสมอ
  3. เว้นระยะจากรถคันหน้า และขับอย่างมีสติทุกสถานการณ์

สรุป : อย่าให้ “น้ำ” ทำให้สงกรานต์ของคุณพัง! สงกรานต์คือช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ถ้ารถพังเพราะไม่ระวังตอนลุยน้ำ ความสุขก็อาจกลายเป็นฝันร้ายได้ง่ายๆ อย่าลืมเตรียมรถให้พร้อม ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ เบรก และเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทาง และถ้าต้องลุยน้ำจริงๆ ควรขับอย่างมีสติ ไม่ประมาท จะได้เที่ยวอย่างสนุกและปลอดภัยทั้งคนและรถ!