หลายคนไม่รู้ หลังขับรถลุยน้ำฝนที่ท่วมขัง หรือจอดแช่น้ำขังอยู่นานๆ อาจทำให้รถของเราเกิดความเสียหายรวมไปถึงอะไหล่บางส่วนอาจจะเกิดการสึกหรอหรือผิดปกติได้ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการดูแลและตรวจเช็คสภาพรถของเราว่าได้รับความเสียหายตรงไหนหรือไม่ วันนี้ กฤษฎากู๊ดคาร์ ได้รวบรวมเอาวิธีดูแลและตรวจเช็คสภาพรถหลังจากขับรถลุยน้ำมาให้แล้ว
1.ระบบเบรก
การขับรถลุยน้ำท่วม หรือน้ำขัง ควรตรวจเช็คระบบเบรกเนื่องจาก ชิ้นส่วนที่เป็นโลหะเมื่อโดนน้ำอาจเกิดสนิมและผ้าเบรคและจายเบรคเกิดความสกปรกจากฝุ่นหรือโคลนเปียก อาจทำให้เกิดความลื่น เป็นสาเหตุที่ทำให้ใช้ระยะในการเบรกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้สิ่งปนเปื้อนที่มาจากน้ำยังสามารถทำให้เบรกติดขัด และอาจเกิดปัญหาภายหลังได้
2.ลูกปืนล้อ
สิ่งที่ต้องคอยสังเกต เมื่อรถขับลุยน้ำเป็นเวลานาน หรือบ่อยๆ อาจทำให้ลูกปืนล้อเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากน้ำได้ชะล้างเอาจาระบีที่อยู่ในลูกปืนล้อออกไป จนทำให้ลูกปืนล้อขาดการหล่อลื่น และถ้าหากลุยน้ำเป็นเวลานานส่งผลให้ลูกปืนล้อเกิดสนิมและการกัดกร่อน ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติระหว่างขับขี่ไดเช่นกัน
3.เพลาขับและเฟืองท้าย
เมื่อเจอน้ำท่วมขังสูงจนมิดใต้ท้องรถ ควรรีบเช็คเพลาขับและเฟืองท้ายทันที เนื่องจากน้ำที่เข้าไปชะล้างจาระบีที่อยู่ภายใน ส่งผลให้ยางหุ้มเพลาเสื่อมลงและฉีกขาดได้ อีกทั้งน้ำที่เข้าสู่ท่อของน้ำมันเฟืองท้ายทำให้มีเสียงรบกวนออกมาเวลาขับ แก้ไขได้โดยการทาจาระบีใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนยางหุ้มเพลา และเปลี่ยนถ่ายของเหลว
4. ระบบปรับอากาศ
เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมบ่อยครั้ง ควรเช็คระบบปรับอากาศ เพราะความชื่นจะทำให้เกิดเชื้อรา กลิ่นอับชื้น หากน้ำเข้าไปภายในตัวถังและเกิดความชื้น จะทำให้ภายในรถเริ่มมีกลิ่นสาบ กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ดังนั้นหลังจากขับรถลุยน้ำท่วมควรเช็คและทำความสะอาดไส้กรอง
5. น้ำมันเครื่อง
การขับรถลุยน้ำท่วมสูง อาจทำให้น้ำรั่วซึมเข้าไปปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่อง โดยเราสามารถตรวจเช็คได้เองเบื้องต้น โดยการดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมาดู หากพบว่ามีน้ำปนอยู่ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที
อ่านสาระน่ารู้รถยนต์