สาระน่ารู้ » 10 รถมือสองขนาดเล็กคุ้มค่า พร้อมปัญหาของแต่ละรุ่น

10 รถมือสองขนาดเล็กคุ้มค่า พร้อมปัญหาของแต่ละรุ่น

22 กรกฎาคม 2023
377   0

ต้องออกตัวก่อนนะครับ ว่าบทความนี้ไม่ได้เขียนมาเพื่อจะขาย หรือ มุ่งเน้นไปในทางโฆษณาแต่อย่างใดแต่เขียนมาเพื่อแนะนำสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจละเลือกรถที่เน้นความคุ้มค่าไปใช้งาน โดนจะอ้างอิงจากกลุ่มลูกค้าของทาง กฤษฎากู๊ดคาร์ เป็นหลัก ด้วยการอ้างอิงผลการตอบรับจากการใช้งานและ สถิติหลายๆปี มารวมในบทความนี้นะครับ

10. SUZUKI Swift 2019

Suzuki Swift เป็นรถ ECO Car เครื่อง 1.2 ที่ถูกออกแบบมาให้เน้นถึงความคุ้มค่า และการใช้งาน และประหยัด และดูแลง่าย ระบบต่างๆภายในดูไม่ซับซ้อนและวุ่นวายมากนัก และยังเป็นรถที่มีการดีไซน์ภายในได้สวยงามเรียบง่าย หน้าตาของตัวรถดีไซน์ได้ตอบโจทย์ในกลุ่มของวัยรุ่นวัยทำงานทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งออกมาแรกๆ ของแต่งเสริมความสวยงามมีออกมาขายตามท้องตลาดเยอะมากๆ โดยอาจจะได้แรงบันดาลใจจากแบรนด์หรูอย่าง Mini และ รถคลาสสิกอย่าง VW ด้านฝาท้ายอาจจะดูมีพื้นที่ไม่มากนัก อาจจะไม่ค่อยถูกใจสำหรับสาวๆ ที่มักจะเอาของใช้ทุกอย่างไปรวมไว้ที่ด้านหลัง
สมรรถนะของ Suzuki ถือว่าไม่เป็นสองรองใคร เครื่องยนต์กำลัง 83 แรงม้า เครื่องไม่อืดอย่างที่คิด และประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตรโดยประมาณ ช่วงล่างเน้นความหนึบ และดูแลง่าย จะมีปัญหาก็แต่เรื่อง แร็คพวงมาลัยที่หากใช้ไปนานๆ จะเกิดเสียงนิดหน่อย ก็สามารถเปลี่ยนได้ เป็นรถทที่มีปัญหาในเรื่องของอะไหล่ตามอายุไขการใช้งาน ค่าบำรุงรักษาในราคาหลักพันต้นๆ หมั่นถ่าย น้ำมันเกียร์ CVT ให้ครบตรงตามระยะการใช้งาน ก็จะไม่มีปัญหาเลยหละครับ
ราคามือหนึ่ง เริ่มต้นที่ 567,000 บาท ส่วนมือสองราคากลางอยู่ราวๆ 430,000 บาทโดยประมาณครับ

9. Toyota Yaris 2019

Toyota Yaris แบรนด์ตลาดที่ใครก็รู้จัก รวมไปถึงไม่ว่าจะอู่ไหนก็สามารถซ่อมได้อะไหล่หาได้ง่ายแม่กระทั่งเว็ปไซด์ขายของยังหาได้ ภายในออกแบบให้ดูเน้นความเรียบง่าย ตามสไตล์บองแบรนด์ อาจจะใช้วัสดุที่ไม่ถูกใจกลุ่มนิยมความลักชูเหมือน Mazda เท่าไหร่ แต่ถ้าในเรื่องของการดูแลถือว่าง่ายสุดๆ และไม่ต้องห่วงในเรื่องของความเสียหาเพราะภายในเลือกใช้เป็นพลาสติกแทบจะ 90% โดยจะมีเพียงแต่ที่หนุนแขนข้างประตูเท่านั้นที่เป็น Soft Touch ภายในแคบกว่าตัวเก่าแต่ได้ในเรื่องของเส้นสายและดีไซน์ที่สวยงามและชัดกว่าเดิม

ปัญหาที่เจอกันใน Toyota Yaris ตัวนี้คือ ความอืดอาดของเครื่องยนต์กว่ารุ่นก่อนๆ ภายในมีปัญหาในเรื่องของการเก็บเสียง และเสียงสะเทือนจากยางเข้ามาในตัวรถแต่ก็ถูกชดเชยด้วยเบาะช่วงหลังที่กว้างก็ถือว่ารับได้ ส่วนที่เก็บสัมภาระด้านหลังถูกใจสำหรับคนที่ชอบวางของเยอะ เพราะเนื้อที่ด้านหลังมีที่เก็บมากพอสมควร



8. Mitsubishi Mirage

Mitsubishi Mirage เรียกว่าเป็นรถที่ทำยอดขายได้ตั้งแต่เริ่มเปิดตลาดเพราะด้วยการเปิดตลาดในเรื่องของ ความประหยัดน้ำมันสุดๆ รูปทรงสวยและมิติรถเล็กและค่าบำรุงรักษาอะไหล่ถูก และยังได้ในเรื่องของอัตราเร่งที่ดี และจุดด่นของรุ่นนี้คือเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่ม ถ้าหากพูดถึงการซ่อมแซมนั้นแทบจะไม่เป็นปัญหาในรุ่นนี้เพราะมีศูนย์บริการแทบจะทุกพื้นที่เลยก็ว่าได้ และอะไหล่ก็มีราคาไม่สูงมากนัก บางชิ้นอยู่ราวๆ หลักร้อย ถึงหลักพันเท่านั้น

ปัญหาข้อเสียของงรุ่นนี้ คือด้วยความเบาของตัวรถก็ทำให้การหัวเลี้ยวในแต่ละครั้งพวงมาลัยมักจะไม่ค่อยดีดกลับมา และเครื่องยนต์แบบ 3 สูบจะมีอาการสั่นในรอบเดินเบา และปัญหาของเสียงจากด้านนอกจะเป็นปัญหาหลักๆของรถคันเล็กๆ โดยเฉพาะส่วนของหลังคาที่ไม่เก็บเสียงเอาซะเลยเวลาในตกจะเหมือนอยู่ในบ้านสังกะสียังไงอย่างนั้นเลย Mirage จะมีเสียงสตาร์ทที่ดังกว่าแบรนด์อื่นๆ และปัญหาอีกเรื่องที่แก้ไม่ได้คือ แอร์ที่ไม่สู้ความร้อยของประเทศไทยถ้าหากรถติดๆในช่วงหน้าร้อนอาจจะทำให้หงุดหงิดไปได้นั่นเอง

7. Mitsubishi Attrage

Mitsubishi Attrage เป็นอีกรุ่นที่ตลาดมือหนึ่่งครึกครื้นและฮือฮา.. เป็นรถ ECO ที่มีรุปทรงเหมือนกับรถ Sedan และยังเป็นรถที่มีราคาสามารถจับต้องได้ไม่อยากมักจะอยู่ในกลุ่มตลาดของวัยเริ่มต้นทำงานและกลุ่มไวรุ่นที่มีเงินจำกัด ซึ่่งจุดขายของงรุ่นนี้ ความประหยัดบนพื้นที่ใช้สอบที่มากกว่า Mirage แต่ยังไปไม่ถึง Ciaz แต่ยังคงความประหยัดน้ำมันตามสไตล์ของเครื่อง 1.2 ลิตร แต่ความแตกต่างระหว่าง Mirage และ Attrage อัตราความสิ้นเปลืองสำหรับวิ่งในเมือง Attrage ทำได้ไม่ดีเท่า Mirage เพราะเนื่องด้วยน้ำหนักของตัวรถทำให้ในช่วงเวลาออกตัวใช้อัตราเร่งมากกว่านั่นเอง

ปัญหาและข้อเสียก็คงไม่ต่างกับทาง Mirage มากนักเพราะด้วยการวางแพลทฟอร์มในเรื่องตัวถังและวัสดุที่มีมาตั้งแต่แรกและความบางของตัวถังก็เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนๆที่ใช้บ่นตามๆกัน เพราะไม่ว่าจะยืนพิงหรือท้าวรถก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บุบได้ทั้งสิ้น ปัญหาในเรื่องเสียงของเบรคดังในช่วงอากาศเย็นๆ ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ขาดความมั่นใจ แต่ถ้ารับได้ก็ไม่ใช่ปัญหาหละครับ


6.Toyota Vios 2014


Toyota Vios เป็นรถตลาดที่ได้รับความนิยมในเรื่องของความทนทานเป็นทุนอยู่แล้ว Toyota เป็นแบรนด์ที่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย และสามารถดัดแปลงเครื่องยนต์เพื่อให้สามารถใช้กับเชื้อเพลิงทางเลือก และตอบสนองถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งความน่าใช้ของรุ่นนี้คือราคาที่เปิดตลาดมา เริ่มต้นที่ราวๆ 6 แสน แต่กาลเวลาผ่านไป ทำร่วงไปแล้วประมาณ 2-3 แสน ขึ้นอยู่กับสภาพและเรือนไมล์อีกด้วยเรียกว่าหากคุณเป็นคนที่ชอบรถที่เน้นไปในเรื่องของความถึกทน ใช้สอยปัญหาจุกจิกน้อยหาอะไหล่ได้ทุกซอกมุมของประเทศไทย ก็แนะนำเป็น Toyota VIOS รุ่นนี้เลย
ปัญหาหลักๆ ของรุ่นนี้ก็คือเมื่อใช้ไปประมาณ 1 แสน โลจะเจอกับอาการเครื่องสะดุดเป็นพักๆ นั้นคืออาการปั้มเชื้อเพลิงยวบ จนอาจจะไปถึงอาการสตาร์ทยากและสตาร์ทไม่ติดในที่สุด


5. Suzuki Ciaz


Suzuki Ciaz เป็นรถแบรนด์นอกกระแสที่กลุ่มตลาดสำหรับผู้ที่เริ่มจะทำงานจะมองหารถประเภทนี้ ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากประหยัดแต่ก็อยากได้รถขนาดกว้าง พอที่จะพาครอบครัวไปไหนต่อไหนได้ ก็จะมองรถรุ่นนี้เป็นอันดับต้นๆ ปละหน้าตาก็ถือว่าไม่ขี้ริ้วรี้เหล่ แถมในรุ่นต้นๆ ก็ยังให้ไฟแบบ Projector มาอีกด้วย สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับรุ่นนี้คือ ความกว้างภายในห้องโดยสาร ที่มีขนาดเทียบเท่ากับรถ City Car และความประหยัดเท่ากับ รถ ECO แต่ถ้าให้มองลึก Ciaz จะมี ความจุมากกว่ารถ Eco Car ทั่วไปถึง 50 cc. อ๊อฟชั่นในรุ่นท๊อปสุดถือว่าเยอะมากๆ ในกลุ่มตลาดเดียวกัน เพราะให้ทั้งจอ Android Auto และ Apple Carplay

ปัญหาของ Ciaz ก็เหมือนกับ รถ ECO CAR ทั่วๆไป ในเรื่องของแอร์ไม่เย็นเท่าที่ควร ออกตัวอืด เพราะต้องแบกน้ำหนักของตัวรถ พวงมาลัยเบาเกินไป ต้องคอยประคองตลอด และในช่วงของความเร็วน้ำหนักของพวงมาลัยก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยทำให้มีอาการหวิวๆ ในช่วงความเร็วสูงๆ จอ Andriod ที่ใส่มาให้เมื่อใช้ไปนานๆ ก็กดไม่ค่อยติด

4. Nissan March

Nissan March เป็นรถ ECO CAR ที่ได้รับความนิยมพอสมควรในกลุ่มตลาดวัยรุ่นและสาวๆ ที่ชอบความน่ารักและขับขี่ง่าย ดูแลง่าย แถมยังประหยัดและเป็นรถที่เหมาะกับกลุ่มของคนที่มีพื้นที่ในการจอดเข้าออกน้อย เพราะมีช่วงรถที่สั้นกว่าหลายๆรุ่น เพราะความยาวจากหน้าถึงหลัง เพียงแค่ 4.15 เมตรเท่านั้น และเป็นรถที่มีเครื่องเพียงแค่ 1.2 ลิตร 3 สูบ ตลาดในยุคนั้นถือว่ายอดฮิตสุดๆเพราะด้วยน้ำมันที่แพงนี่แหละทำให้ยอดขาย Nissan March พุ่งกระฉูด แต่ก็ขายททอดตลาดเยอะในเวลาเดียวกันอีกด้วย

ปัญหาสุดฮิตของ March คือเรื่องของแอร์ไม่เย็นเท่าที่ควร เพราะด้วยระบบสายพานแอร์ที่มักจะเกิดการหลวมบ่อยเมื่อใช้ไปราวๆ หมึ่นกิโลสามารถสังเกตได้จากเสียงเสียดสีของสายพานเมื่อสตาร์ตเครื่องเช้าๆ และอาการเครื่องกระตุก วูบ รอบตก ที่เกิดจาก ปั้มติ๊กและบางครั้งอาจจะเกิดจากลิ้นปีกผีเสื้อ ฉะนั้นต้องคอยมหั่นเช็คอุปกรณ์เหล่านี้อยู่บ่อยๆ

3. Suzuki Celerio


Suzuki Celerio เป็นรถ ECO Car ที่มีเครื่องเล็กที่สุดในตลาดอีกหนึ่งรุ่นซึ่งมีหน้าตาไม่หวือหวาถ้าหากเทียบกับยี่ห้ออื่นๆในตลาด ซึ่งความน่าสนใจของรุ่นนี้ก็คือ ราคาเมื่อช่วงมือหนึ่ง มีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 359,000 บาทเท่านั้น เรียกว่าก็สามารถไปไหนมาไหนได้เหมือนกับ ECO Car เครื่อง 1.2 ลิตร และยังเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ให้ความรู้สึกนิ่มนวลและเป็นรถ Hatch Back ที่มีเนื้อที่ในการเก็บสัมภาระได้มากพอสมควร ดีไซน์ภายในตกแต้งด้วยลวดลายที่ดูโมเดริ้น ด้วยการใช้ลวดลายจุดให้เหมาะกับรถผู้หญิงๆ อุปกรณ์ภายในจะดูไม่เยอะวุ่นวายแต่ก็จะเน้นเรื่องความจำเป็นในการใช้ซะมากกว่า

ข้อเสียของ Suzuki celerio คือ การเก็บเสียงของภายในห้องโดยสารที่ทำได้ไม่ดีนัก ซึ่งเสียงจะเข้ามาจากหลายๆด้านเช่นขอบประตู ใต้ซุ้มล้อ และเมื่อเจอฝนตกหนักๆ ก็จะเกิดเสียงดังจากน้ำที่หยดลงบนหลังคาเหมือนกับหลังคาสังกะสีบ้านเก่าๆ อีกหนึ่งที่น่าเป็นปัญหาใหญ่คือ กลิ่นเหม็นไหม้จากห้องเครื่องยนต์เข้าสู่ห้องโดยสารเมื่อใช้ความเร็วสูงๆ โดยมักจะเกิดจากการไหม้ของ แค็ทเตอร์์ไลติก ที่เก็บไอเสีย ถึงจะไม่มีผลกับสภาพรถ แต่ก็มีผลต่อคนใช้งานครับ

2. Honda City 2017

Honda City เป็นรถ City Car เป็นรถที่มีสมรรถนะเกินตัวอีกหนึ่งรุ่น และเป็นรุ่นที่ยอดฮิตสุดในตลาด ในทุกๆ Generation ของ City ก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งดีไซน์ภายนอก อุปกรณ์ใช้สอยรวมไปถึงความประหยัดก็ตอบโจทย์ในกลุ่มของวัยทำงานได้ดีเยี่ยม รวมไปถึงกลุ่มตลาด วัยรุ่นที่อยากจะมีรถคันแรก Honda City ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ด้วยอัตรากำลังเครื่องยนต์รวมไปถึงฟังค์ชั่นกล้องมองหลังที่สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับพร้อมเซนเซอร์ความปลอดภัย จึงทำให้เป็นรถที่ขับได้ง่ายๆ และที่น่าสนใจก็คือเรื่องราคาที่แข็งในตลาดรถมือสองไม่ค่อยตกทำให้คนทีเลือกรุ่นนี้มาใช้งานเรียกว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่นัก

ปัญหาของรุ่นนี้เรียกว่าแทบจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร นอกจากเรื่องของเสียงที่ช่วงล่างที่ค่อนข้างดังเมื่อลองได้ขับ และเมื่อใช้ไปนานๆก็จะได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆ ภายในตัวรถ เสียงคอมแอร์ทำงานดังเวลาตัดและมีอาการไฟตกอย่างเห็นได้ชัด และปัญหาที่บ่นกันในโลกโซเชี่ยลคือ ไฟหน้าปัดที่มีความสว่างเป็นอย่างมากทำให้แยงตาผู้ขับในเวลากลางคืน

1. Honda Jazz GE

Honda Jazz GE ถือว่าเป็นรถยอดฮิตในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมากเพราะด้วยรูปทรง และหน้าตาที่ทำออกมาถูกใจในกลุ่มวัยรุ่น และยังเป็นแบรนด์ตลาดที่มีระดับสามารถขับไปไหนมาไหนแบบไม่อายใคร และยังเป็นรถที่แต่งจัดทรงให้ออกมา ให้ดูเทห์ตามสไตล์กลุ่มตลาด City ประเทศไทย เครื่องยนต์ที่ถอดแบบมาจากฝากแดง K20A ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เป็นที่นิยมเอาไปปรับแต่งและกระแสในการแต่งรถสำนักต่างๆก็เอาไปทำตลาดได้เมามันส์ และอ๊อพชั่นภายในรุ่นนี้ก็มีความน่าสนใจ ถึงจะเป็นรถเล็ก City Car แต่ก็ใส่อ๊อพชั่นเอาใจสาวกอย่าง Paddle Shift ในรุ่น RS จอกลางแบบ Apple Carplay และ Andriod Auto และเบาะหลังสามารถพับได้ราบเรียบสามารถขนของได้มากที่สุดในตลาดรถทรงนี้เลย

ปัญหาใน Jazz GE คือ ช่วงล่างแข็งกระด้าง และ เสียงที่เข้าภายในรถที่เป็นปัญหาในกลุ่มรถญี่ปุ่นและความบางของตัวถังและหลังคาไม่สามารถกันเสียงของน้ำฝนได้ทำให้เกิดเสียงดังน่ารำคาณเวลาลุยฝน และสิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องเกียร์ที่ต้องคอยเปลี่ยนระยะเพราะเมื่อหากเกียร์ Honda มีปัญหาหละก็ต้องเปลี่ยนใหม่สถานเดียว และมีราคาที่สูงมากด้วยเช่นกัน

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม