สาระน่ารู้ » 4 รถมหาเทพ ที่ผู้ชายกรี๊ดแต่ผู้หญิงกับเฉยๆ

4 รถมหาเทพ ที่ผู้ชายกรี๊ดแต่ผู้หญิงกับเฉยๆ

31 กรกฎาคม 2023
560   0

วันนี้จะมาพูดถึงรถที่ผู้ชายหลายๆคนเมื่อได้ยินแล้วก็ต้องชอบ และถ้ายิ่งได้เจอบนถนนหละก็ต้องกรี๊ดเหมือนกับสาวๆเจอดาราเกาหลี ยังไงอย่างนั้นเลยและปัจจุบันราคาก็ไม่เล่นๆ และยังมีแนวโน้มว่าจะขึ้นไปเรื่อยๆตามกาลเวลาโดยอิงจากสภาพของตัวรถ และ เป็นรถที่สร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต วันนี้เรามาดู 4 มหาเทพ แห่งวงการรถ JDM ที่ทำเอาหนุ่มๆเสียเส้นเวลาพบเจอกันครับว่ามีรุ่นไหนบ้าง

1. Nissan Skyline GT-R (R34)

เรียกว่า Nissan Skyline GT-R ก๊อตซิล่าแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ถือว่าสร้างตำนานให้บรรดาเหล่า JDM พูดถึงกันมากที่สุด นับว่าเป็นรุ่นตำนานที่เคยเฉิดฉายในหนังระดับโลกหลายๆเรื่อง รวมไปถึงรหัสเครื่องยนต์ที่สร้างตำนานเล่าขานอย่าง RB26DETT Twin-turbo มีแรงม้าถึง 332 แรงม้า เลยทีเดียว ซึ่งประจำการในรุ่นเริ่มต้น แต่อันที่จริงแล้ว Nissan Skyline GT-R (R34) ได้ถูกผลิตรุ่นย่อยมาถึง 11 รุ่น โดยแต่ละรุ่นก็ยังมีจำนวนจำกัดจึงทำให้เกิดความหายากแบบมีจำกัด รวมไปถึงเป็นที่หมายปองของเหล่านักสะสม นักเลงรถ และเหล่ามหาเศรษฐีที่ชื่นชอบในความเร็วอีกด้วย

Nissan Skyline ได้ไปโผล่ในภาพยนต์ชื่อดังอย่าง Fast and the Furious ภาคที่ 2 ตอนต้นเรื่อง โดยผู้ควบอยู่หลังพวงมาลัยคือ Paul Walker จึงทำให้เป็นรถที่สร้างความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปัจุบัน ราคาก็ก้าวกระโดด จนบางคันสามารถตั้งราคาจากความพึงพอใจของเจ้าของได้เลย

2. Toyota Supra (MK4)

เป็นอีกหนึ่งตำนานที่เหล่านักเลงรถต้องมีไว้ในครอบครองอีกรุ่น ซึ่งไม่ใช่ว่าจะหาได้สภาพที่เอามาสะสมง่ายๆ เพราะเหล่านักเลงรถมักจะเอาไป ปู้ยี่ปู้ยำ ตามสไตล์ของแต่ละคน จนหมดค่าหมดราคา หาเดิมๆจากโรงงานน้อยมากๆ ซึ่ง Supra ที่มีราคาจะอยู่ในรูปแบบของสภาพเดิมๆโรงงาน และภาพยนต์หลายๆเรื่องก็มักจะนำเอาเจ้า Supra ไปประกอบฉากจนสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังอย่าง Fast and the Furious ที่ตำนานหนุ่มผู้โด่งดังอย่าง Paul Walker ได้บังคับอยู่หลังพวงมาลัยทำให้ราคาพุ่งสูงกว่าเดิมไปราวๆ 1 แสนดอลลาห์ในเวลาอันรวดเร็ว

Supra เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ภายใตรหัสเครื่องยนต์ 2JZ- GTE พ่วงด้วยเทอร์โบ 2 ตัว มีแรงม้าถึง 326 แรงม้า และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 156 ไมล์/ชั่วโมง 0-100 กิโลเมตร ได้ภายใน 4.9 วินาที สนนราคาที่เปิดตัวในตอนนั้น 3.75 หมื่นปอนด์ โดยตัวถังที่ใช้จะเป็นวัสดุจากอลูมีเนียมเป็นส่วนใหญ่ทำให้มีน้ำหนักที่เบาและทนแดดทนลมดูแลง่าย และเครื่องยนต์ก็ไม่จุกจิก สามารถโมดิฟลายให้มีความเร็วแตะไปถึง 1,000 แรงม้าได้ จึงกลายเป็นที่นิยมของเหล่าผู้ชื่อชอบความแรงอีก 1 รุ่นนั่นเอง

3. Mazda RX-7 RE Super G

ตำนานตัวพ่อแห่งวงการเครื่องโรตารี่ต้องยกให้พี่ Mazda แต่แรกเริ่มเดิมที่ บริษัท Mazda ก็ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นเครื่องยนต์ประเภทนี้เป็นเจ้าแรก ซึ่งถูกคิดค้นโดยนักประดิษฐ์วิศวะกรชาวเยอร์มัน Felix Wankel โดยได้สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการให้เครื่องยนต์มีอาการสั่นน้อยลงเพียงเท่านั้น แต่ก็เกิดปัญหามากมาย อย่างมุมแหลมของลูกสูบไปขูดผนังห้องเครื่องจนกลายเป็นรอย การสึกหรอของเครื่องยนต์ประเภทนี้เกิดขึ้นไวมากๆ จนไม่ได้กลายเป็นที่นิยมและก็ได้พับโครงการไป แต่ Mazda กลับกลายเป็นหนึ่งในเหล่าวิศวะกรรมที่ซื้อลิขสิทธิ์มาพัฒนาต่อจนได้เห็นปัญหาและแก้จนสำเร็จในที่สุด เครื่อง โรตารี่เหมือนได้ตายแล้วเกิดใหม่กับทาง Mazda จนได้สร้างเอกลักษณ์มาจนถึงทุกวันนี้

ในปี 1963 Mazda สามารถแก้ไข้ข้อบกพร่องได้ ก็ได้นำไปวางในโมเดล Mazda Cosmo ในปี 1967 และได้ต่อยอดจนมาถึงในปี 1981 ได้ถือกำเนิด RX-7 Generation 2 มีการปรับดีไซน์ให้มีน้ำหนักของตัวรถเบามากขึ้น เหลือราวๆ 995 กิโลกรัม และในปี 1989 เจอเนเรชั่น 3 ก็ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้นภายใต้รหัสเครื่อง 13B RE-EGI ให้กำลัง 135 แรงม้า ความจุกระบอกสูบเพียงแค่ 1.3 ลิตรเท่านั้น และได้เพิ่มเทอร์โบเข้ามาในรุ่นตัว TOP จนเป็นรถที่สร้างชื่อให้กับ Mazda เป็นอย่างมาก ทั้งความสวย และความลงตัว รวมไปถึงสมรรถนะ ที่ถูกใจสายซิ่งสายสปอร์ต และในยุคนั้น โดยเฉพาะ เครื่องโรเตอร์มีนิสัยรอบจัดและเสียงเครื่องหวานเจี๊ยบอันเป็นเอกลักษณ์ ถูกใจนักเลงสายซิ่งอยู่แล้ว และสามารถโมดิฟลายไปถึง 900 แรงม้าเลยทีเดียว แต่หลายๆสำนักก็จัดทะลุ 1,000 ไปแล้ว

4. Honda NSX (NA1)

Honda NSX เป็นรถที่มีความลับซ่อนอยู่มากมาย เรียกว่าความลับเหล่านี้กลับเป็นจุดขายของเหล่าสาวก H ทั่วโลก ซิ่งเป็นจุดขายของรุ่นนี้เลยทีเดียว N ย่อมากจาก New ส่วนตัว S ย่อมากจาก SportCar และ X นั้นหมายถึง Experimental ซึ่งเกิดมาจาก รถสปอร์ตที่เกิดมาจากการทดลอง จึงทำให้ NSX เป็นรถที่มีความลับมากมายเต็มไปหมด

สิ่งแรกคือ ตัวโครงสร้างและตัวถังเป็นอลูมีเนียมทั้งหมด ซึ่งในสมัยที่ผลิตรถยนต์การขึ้นโครงด้วยวัสดุแบบอลูมีเนียมถือว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตหันหน้าหนี เพราะการขึ้นรูปตัวถังด้วยอลูมีเนียมเป็นอะไรที่ยากสุดๆ และความแข็งแรงของตัวถังก็เป็นจุดอ่อนสำหรับวัสดุประเภทนี้จะไม่มีการผุกร่อนตามกาลเวลาจึงกลายเป็นรถสปอร์ตที่ได้ฉายาว่า “เจ้าชายอมตะนิรันดร์กาล”

สิ่งที่สอง ก็คือก้านสูบไทเทเนียมที่มีความแข็งแรงเท่ากับเหล็กแต่มีน้ำหนักเบากว่ามากๆ เครื่อง C30A จึงสามารถสร้างรอบได้ถึงง 8,000 รอบต่อนาทีได้แบบสบายๆ

สิ่งที่สาม ก็คือห้องโดยสารได้ออกแบบโดยรับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ ซึ่งจะมีความเตี้ยและแบน ซึ่งมีผลต่อแอโรไดนามิคส์อีกด้วย โดยจะมีความลู่ลมเหมือนกับเครื่องบินรบแล้วยังช่วยลดแรงต้านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สิ่งที่สี่ นักแข่งฟอมูล่าวันสังกัด McLarern อย่าง ไอร์ตัน เชนน่า ได้มีส่วนร่วมในการปรับแต่งช่วงล่างของ NSX ด้วย โดยมีการทดลองการขับและพัฒนาทำให้เชนน่าได้ดึงเอาสมรรนะของรถมาใช้จนถึงขีดสุดระหว่างทดสอบนั่นเอง และก็พบปัญหา ของบอดีอลูมีเนียมว่ายังแข็งแรงไม่พอ ทาง Honda จึงได้เพิ่มความหนาของบอดี้เป็นผลทำให้บอดีแข็งแรงเพิ่มขึ้น 50%

และสุดท้าย ความท้าทาย คู่แข่งของ Honda NSX ไม่ใช่แค่รถญี่ปุ่นด้วยกันเอง แต่กลับเป็น Ferrari 328 และพยายามตั้งเป้าให้เทียบชั้นกับรถสปอร์ตสมรรถนะสูงสัญชาติอิตาลี ที่มีเครื่องยนต์ขนาด V 3.2 ลิตร เรียกว่าเป็นความทะเยอทะยานของทางทีม Honda และผู้พัฒนาเป็นอย่างมากจึงได้ฉายาว่า “เฟอรารี่แห่งญี่ปุ่น” นั่นเอง

และนี่คือรถ “4 รถมหาเทพ ที่ผู้ชายกรี๊ดแต่ผู้หญิงกับเฉยๆ” ที่เอามาฝากกันครับ

อ่านสาระน่ารู้