7 ข้อนั่งรถกระบะเล่นสงกรานต์ให้ถูกกฎหมาย
เล่นให้มันส์ แต่ต้องไม่ลืม “ความปลอดภัย” และ “กฎหมาย”
เทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย เพราะเป็นทั้งวันหยุดยาวและเทศกาลแห่งความสนุกสนานที่มาพร้อมกับอากาศร้อน ๆ ใครหลายคนเลือกที่จะออกไปเล่นน้ำกับเพื่อนหรือครอบครัว และหนึ่งในกิจกรรมสุดฮิตก็คือ “นั่งท้ายรถกระบะเล่นน้ำ” เพราะทั้งสะดวก ประหยัด และได้อารมณ์แบบไทย ๆ
แต่การขึ้นกระบะเล่นน้ำไม่ได้แปลว่าจะทำยังไงก็ได้! เพราะมีข้อกฎหมายและกฎจราจรที่เราต้องรู้ เพื่อให้เล่นได้อย่างสนุกและปลอดภัย ไม่เสี่ยงโดนจับหรือเกิดอุบัติเหตุ
มาดูกันว่า 7 ข้อควรรู้ก่อนขึ้นรถกระบะเล่นน้ำสงกรานต์ มีอะไรบ้าง
1. ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือหลังคารถ
หลายคนอาจเคยเห็นภาพการนั่งบนขอบกระบะ โหนหลังคา หรือยืนในรถขณะเล่นน้ำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อันตรายมาก ไม่ว่าจะเป็นถนนเรียบหรือขรุขระ โอกาสที่คนจะเสียหลักล้ม หรือหลุดจากรถมีสูงมาก
ตามกฎหมายจราจรไทย ระบุว่า การนั่งบนขอบรถ บนหลังคา หรือยืนท้ายรถในขณะรถเคลื่อนที่ ถือเป็นการกระทำที่ผิด เพราะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต หากเจ้าหน้าที่พบเห็น อาจถูกปรับหรือเรียกเตือนทันที
ทางที่ดี : ควรนั่งอยู่ในตัวกระบะหลัง โดยนั่งชิดพื้นรถให้มากที่สุด และไม่ยืนหรือนั่งในลักษณะที่เสี่ยงต่อการหล่นจากรถ
2. จำกัดจำนวนคนนั่งท้ายกระบะ ไม่เกิน 6 คน
เพื่อความปลอดภัยและการควบคุมน้ำหนักของตัวรถ แนะนำให้มีผู้โดยสารท้ายกระบะไม่เกิน 6 คน เพราะหากมีมากกว่านี้ นอกจากจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังอาจผิดกฎหมายว่าด้วยเรื่องการใช้รถบรรทุกคนเกินกำหนด
ข้อควรระวัง : บางพื้นที่อาจมีกฎหมายท้องถิ่นที่ระบุจำนวนคนได้ไม่เท่ากัน ควรตรวจสอบให้แน่ชัดในพื้นที่ที่เราจะเดินทางด้วย
3. ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.
แม้ว่าสงกรานต์จะเป็นช่วงที่รถไม่ค่อยติดในบางเส้นทาง แต่หากมีผู้โดยสารท้ายกระบะอยู่ การขับรถเร็วเกินไปจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงหากมีการเบรกกะทันหันหรือเกิดอุบัติเหตุ
ตำรวจจราจรมีการตั้งจุดตรวจหลายแห่งในช่วงสงกรานต์ หากพบรถที่ขับเร็วเกินกำหนดหรือมีพฤติกรรมเสี่ยง อาจถูกเรียกตรวจและปรับได้
4. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์บนรถเด็ดขาด
สงกรานต์กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักมาคู่กัน แต่กฎหมายจราจรและ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปี 2551 ระบุชัดว่า “ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในรถ ไม่ว่ารถจะขับหรือจอดอยู่ในที่สาธารณะ”
โดยเฉพาะ ผู้ขับขี่ หากตรวจพบว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกาย จะมีโทษทั้งปรับและอาจถูกสั่งพักใช้ใบขับขี่ ส่วนผู้โดยสาร แม้จะนั่งเล่นน้ำอยู่ท้ายรถ หากมีขวดเบียร์หรือเหล้าติดมือ ก็มีสิทธิ์โดนตรวจสอบและปรับเช่นกัน
5. ห้ามใช้อุปกรณ์เล่นน้ำที่เป็นอันตราย
แม้จะเป็นเทศกาลสาดน้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ เช่น:
- ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง
- ถังน้ำแข็ง
- น้ำที่ผสมสารบางอย่าง (เช่น แป้ง เย็น หรือกลิ่นฉุน)
- บอลน้ำหรือโป่งน้ำ
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้คนอื่นบาดเจ็บ ระคายเคือง หรือได้รับผลกระทบในทางร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนน หรือคนที่ไม่ได้อยากเล่นน้ำด้วย
6. ห้ามเล่นน้ำบนถนนที่มีประกาศห้าม
ในหลายเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือพัทยา อาจมีการประกาศ “เขตห้ามเล่นน้ำ” บางพื้นที่ เช่น ถนนที่มีรถวิ่งพลุกพล่าน จุดเสี่ยง หรือย่านธุรกิจ
หากยังฝ่าฝืนเข้าไปเล่นน้ำ อาจถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปพูดคุย หรือมีโทษปรับตามประกาศของท้องถิ่น
7. ต้องมีสติ ไม่เล่นน้ำแบบรุนแรงหรือเกินเลย
การเล่นน้ำสงกรานต์คือการแสดงออกถึงความสุขและความสนุก แต่บางคนอาจเล่นแรงเกินพอดี เช่น ปาโป่งน้ำใส่หน้าคนเดินถนน ฉีดน้ำใส่มอเตอร์ไซค์ หรือแหย่คนแปลกหน้าเกินความเหมาะสม
สิ่งเหล่านี้นอกจากจะเสี่ยงผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุและภาพลักษณ์ไม่ดีต่อเทศกาลอันดีงามของไทยอีกด้วย
แบบสั้นๆ ถ้าคุณจะนั่งท้ายกระบะเล่นน้ำสงกรานต์
- นั่งเฉพาะในกระบะ ห้ามปีนขอบหรือหลังคา
- ไม่เกิน 6 คน
- ขับไม่เกิน 60 กม./ชม.
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์บนรถ
- ใช้อุปกรณ์เล่นน้ำที่ปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงถนนที่ห้ามเล่นน้ำ
- เล่นน้ำอย่างมีสติ ไม่ล่วงละเมิดหรือสร้างความเดือดร้อน
สงกรานต์นี้ขอให้ทุกคนสนุก ปลอดภัย และมีความสุขแบบไร้กังวล! เล่นน้ำให้เต็มที่ แต่อย่าลืม “เคารพกฎหมายและคนรอบข้าง” ด้วยน้า สุขสันต์วันสงกรานต์ 2568