สาระน่ารู้ » กรองอากาศรถยนต์หลังลุยน้ำ เช็กยังไงให้เครื่องไม่พัง

กรองอากาศรถยนต์หลังลุยน้ำ เช็กยังไงให้เครื่องไม่พัง

18 เมษายน 2025
23   0

ขับลุยน้ำสาดมาเยอะ…รู้ไหม? ถึงเวลาต้องเช็ก “กรองอากาศ” หรือยัง!

ช่วงหน้าฝนแบบนี้ ใครที่ขับรถลุยน้ำ ลุยฝน ลุยทางเปียกๆ ทุกวัน บอกเลยว่ามีสิ่งหนึ่งที่คนมักมองข้าม นั่นก็คือ “กรองอากาศ” ของรถยนต์ แม้มันจะดูเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ แต่ถ้ามันสกปรกหรือเสียหายขึ้นมาเมื่อไหร่ บอกเลยว่า ส่งผลถึงเครื่องยนต์ได้แบบเต็มๆ

ขับลุยน้ำ มีผลกับกรองอากาศยังไง?

เวลารถลุยน้ำ หรือวิ่งผ่านแอ่งน้ำลึกๆ น้ำจะกระเซ็นขึ้นไปทั่วใต้ท้องรถ บางครั้งอาจถึงบริเวณห้องเครื่อง ซึ่งกรองอากาศก็มักจะอยู่ในโซนนั้น หากฝาครอบกรองอากาศไม่แน่น หรือมีช่องทางให้น้ำเล็ดลอดเข้าไปได้ น้ำหรือความชื้นก็อาจซึมเข้าไปในตัวกรองโดยตรง

ผลที่ตามมา

  • กรองอากาศอาจเปียกหรือชื้นสะสม
  • ฝุ่นโคลนจากน้ำสาดอาจติดเข้าไปในกรอง
  • อัตราการกรองอากาศลดลง ทำให้เครื่องยนต์หายใจไม่สะดวก
  • กินน้ำมันมากขึ้น เครื่องอืด เสียงเดินเบาผิดปกติ
  • กรณีหนักสุด อาจดูดน้ำเข้าท่อไอดี ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

แล้วควรเปลี่ยนกรองอากาศตอนไหน?

โดยปกติ กรองอากาศควรเปลี่ยนทุก 20,000 – 30,000 กิโลเมตร หรือเช็กทุกๆ 10,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเพิ่งลุยน้ำมาหนักๆ ควรถอดออกมาเช็กทันที อย่ารอ

เช็กเองได้ง่ายๆ

  1. เปิดฝากระโปรงรถ หากรถยังอุ่นอยู่ ให้รอให้เครื่องเย็นก่อน
  2. ถอดฝาครอบกรองอากาศ (มักใช้คลิปล็อก ไม่ต้องใช้เครื่องมือ)
  3. ดึงกรองอากาศออกมา แล้วสังเกตว่า
  4. แห้งสนิทหรือไม่
  5. มีฝุ่นโคลนหรือคราบสีน้ำตาลเปียกๆ ไหม
  6. มีรอยเปื่อยยุ่ยหรือไม่

ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรเปลี่ยนทันที อย่ารอให้เครื่องพัง

เปลี่ยนกรองอากาศใหม่ มีผลยังไง?

  • เครื่องยนต์หายใจสะดวกขึ้น
  • การเผาไหม้ดีขึ้น ประหยัดน้ำมัน
  • อัตราเร่งดีขึ้น ขับสนุกกว่าเดิม
  • อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ยืนยาวขึ้น

เคล็ดลับเพิ่มความอุ่นใจช่วงหน้าฝน

  • หลีกเลี่ยงการลุยน้ำลึก ถ้าจำเป็นต้องลุยให้ใช้เกียร์ต่ำ (L/1) และเดินคันเร่งต่อเนื่อง
  • หลังลุยน้ำ ควรสตาร์ทรถทิ้งไว้ 5-10 นาที เพื่อไล่ความชื้น
  • เช็กกรองอากาศ, ผ้าเบรก, และจุดเชื่อมต่อสายไฟต่างๆ

สรุปง่ายๆ ลุยน้ำมาเยอะ อย่านิ่งนอนใจ เปิดดูกรองอากาศสักนิด อาจช่วยให้เครื่องยนต์รอดจากหายนะถ้ายังไม่แน่ใจ หรือเปิดดูไม่เป็น เข้าอู่ก็ได้ ใช้เวลาแป๊บเดียว แต่ช่วยเซฟค่าซ่อมหลักหมื่นได้แน่นอน