เป็นคำถามที่พบบ่อยๆสำหรับผู้ที่ใช้รถ ว่าการทำประกันในแต่ละครั้งนั้น ทางประกันภัยนั้นประเมินอายุของรถอย่างไร นับจากปีผลิตหรือปีจดทะเบียนกันแน่
ปีจดทะเบียนรถคืออะไร
รถยนต์ทุกคันที่วิ่งบนท้องถนนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสียภาษีรถยนต์ รถทุกคันนั้นจึงจำเป็นจะต้องได้รับการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อให้ทราบว่าปีจดทะเบียนรถของรถคันนั้นๆว่าได้จดทะเบียนเพื่อเสียภาษีในปีอะไร เพื่อแสดงถึงการเป็นเจ้าของและได้เสียภาษีได้อย่างถูกต้องถูกกฎหมาย
การจดทะเบียนรถยนต์ใหม่จะได้ตรงเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเสียภาษีเรียบร้อย โดยเจ้าของรถยนต์จะต้องนำไปติดที่หน้ากระจกในตำแหน่งที่ชัดเจนทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่จราจรสามารถตรวจสอบเห็นได้โดยสะดวกเมื่อมีการใช้รถยนต์์บนท้องถนน โดยหากผู้ที่มีรถยนต์ป้ายแดงก็สามารถยื่นจดทะเบียนรถใหม่และดำเนินการได้ที่กรมขนส่งทางบกทุกสาขา
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ปี 2522 มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถโดยมิได้จดทะเบียน บทกำหนดโทษมาตรา 59 ปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ไม่เกิน 10,000 บาท แต่ได้มีการอนุโลมให้ผู้ใช้รถยนต์ใหม่ ป้ายแดง ได้ไม่เกิน 1 เดือน หรือไม่เกิน 3,000 กิโลเมตร หากเกินจะถือว่าจงใจหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนให้ดำเนินการจับกุมทันที
ปีจดทะเบียนของรถยนต์นั้นจะมีผลต่อาการคิดเบี้ยประกันภัย โดยทุกครั้งทางผู้เป็นเจ้าของจะต้องแจ้งให้พนักงานประกันภัยทราบก่อนทำประกันทุกครั้ง
ปีจดทะเบียนรถเกี่ยวของกับการคิดอัตราค่าเบี้ยประกันอย่างไร
การคำนวนเบี้ยประกันรถยนต์จะคำนวนอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ตัวกำหนดพิกัดราคาเบี้ยกระกัน จะเป็นผลมาจากการวิเคราะห์สถิติที่เกี่ยวกัยวินาศภัย โดยจะวิเคราหะ์จากความเสี่ยงตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาจะถึงปัจจุบัน และคาดการณ์ล่วงหน้าในอนาคต
โดยการวิเคราะห์เหล่านี้เป็นการวิเคราะห์จาก พฤติกรรมการใช้รถ โดยเป็นผลมาจากการเคลมประกันของผู้ใช้รถตั้งแต่อดีต ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณอยากไห้อัตราเบี้ยประกันรถยนต์ในอนาคตถูกลง ก็จะอ้างอิงจากผลของการใช้รถของคนรุ่นถัดๆไปนั่นเอง
โดยข้อมูลของ รถยนต์ จะส่งผลต่อเบี้ยประกันดังนี้
รุ่นรถ โดยรถยนต์สปอร์ทจะแพงกว่ารถยนต์ทั่วๆไป
ขนาดของเครื่องยนต์ ยิ่งเครื่องยนต์แรงก็ส่งผลต่อเบี้ยประกันให้สูงขึ้นตามไปด้วย
ประเภทเครื่องยนต์ หากเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบหรืออุปกรณ์ช่วยในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์เบี้ยประกันก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน
ปีที่ผลิต รถเก่าๆ จะมีเบี้ยประกันสูงแต่ถ้าหากว่ารถเก่ามากเกินไปประกันบางบริษัทก็จะไม่รับพิจารณา
และในบางครั้งบริษัทประกันภัยหรือโบรกเกอร์ประกันอาจจะตรวจสอบข้อมูงของผู้ขับขี่และใช้ประสบการณ์ในการคำนวนค่าเบี้ยประกันตามปัจจัยเสี่ยงของผู้ขับขี่อาจจะแตกต่างงกันออกไป
ข้อมูลของผู้ขับขี่ อายุของผยู่ขับขี่และอายุของการขับขี่จะช่วยให้เบี้ยประกันถูกลง
สถานภาพการสมรส ผู้ที่มีครอบครัวแล้ว จะมีแนวโน้มความเสี่ยงในการขับขี่น้อยกว่าผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว
การใช้งานรถยนต์ ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเส้นทางเดิมๆ จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าผู้ที่นำรถไปใช้ในการพาณิชย์
ประวัติการเคลม ผู้ที่มีประวัติการเคลมอาจจะ ถูกเพิ่มเบี้ยประกันสูงกว่าปกติ
โดยสรุปว่า การนับปีประกันภัยรถยนต์นั้นนับเป็นอายุปีจดทะเบียนนั่นเอง หากคุณกำลังอยากจะทำประกันหรือต้องการจะต่อประกัน ก็จะทราบว่าทีไมเบี้ยประกันในรถแต่ละประเภทถึงแตกต่างกัน