สาระน่ารู้ » ตรอ.คืออะไร ตรวจเช็คสภาพรถกี่ปี เตรียมตัวอย่างไร เรามีคำตอบ

ตรอ.คืออะไร ตรวจเช็คสภาพรถกี่ปี เตรียมตัวอย่างไร เรามีคำตอบ

26 มิถุนายน 2021
1860   0

ตรวจเช็คสภาพรถกี่ปี คำตอบคือ รถที่เราใช้มันจนครบ 7 ปีแล้ว  หรือตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป  เราต้องนำไปตรวจสภาพรถ คือ ไล่ไปตั้งแต่เครื่องยนต์ว่าเสียงดังหรือไม่  ท่อดังหรือไม่  มีควันดำหรือไม่  มีอะไรที่เสื่อมสภาพลงไปหรือไม่  เราจึงจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพรถของเราให้พร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ  รถยนต์ที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวันย่อมมีการสึกหรอเสียหายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เหมือนเราจะเดินทางไกลนั่นแหละครับ  เราต้องเช็ครถก่อนทุกครั้ง  และรถเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็เช่นกันครับ

ตรวจสภาพรถประจำปี คืออะไร

การตรวจสภาพรถประจำปี  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการตรวจ ตรอ.หมายถึงการตรวจสภาพรถก่อนการเสียภาษีประจำปีนั่นเอง 

ทำไมต้องตรวจสภาพรถ

เพราะตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522  ระบุเอาไว้ว่า  รถยนต์ที่นำมาใช้ขนส่งทางบกต้องมีสภาพของรถที่แข็งแรงต้องมีลักษณะมั่นคง  มีลักษณะ ขนาด  และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ของรถถูกต้องตามที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่าง  เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับรถ  และผู้โดยสารไปกับรถคันนั้น  ผู้ขับขี่รถคันอื่น ๆ ผู้เดินถนน  และรวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อีกด้วย

ตรอ คืออะไร

ตรอ.  ย่อมาจากคำว่า  สถานตรวจสภาพรถเอกชน  ผู้ขับขี่รถยนต์หรือขี่รถจักรยานยนต์สามารถนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์มาตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพหรือตรอ.ได้ครับ ก่อนที่เราจะเสียภาษีประจำปี  หรือเดินทางไปได้ที่กรมการขนส่งทางบก  ตามวันและเวลาราชการ  สามารถตรวจเช็คสภาพรถกับ ตรอ.  ที่ได้รับการอนุญาตจาก กรมการขนส่งทางบก  เพื่อขอเอกสารยืนยันว่ารถของเรานั้นปลอดภัย  สามารถขับขี่ได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น และไม่สร้างมลภาวะให้แก่สิ่งแวดล้อม 

สถานตรวจสภาพรถเอกชน

ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างก่อนไปตรวจสภาพรถที่ ตรอ          

รถจักรยานยนต์ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป  หรือรถยนต์ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป  ต้องไปตรวจสภาพรถที่กรมการขนส่ง  หรือที่สถานตรวจสภาพรถของเอกชน 

เอกสารที่ต้องเตรียมไปวันที่เอารถไปตรวจสภาพรถ

1.เล่มทะเบียนรถ

          ในการตรวจสภาพรถจะใช้เอกสารแค่  เล่มทะเบียนรถเท่านั้น  ซึ่งใช้เวลาในการทำเอกสารไม่นาน 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น  ในการตรวจสภาพรถควรใช้แค่เล่มทะเบียนรถ 

2.เงินในกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายในการเสียค่าตรวจสภาพรถนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่เราเอาไปตรวจสภาพนั่นเอง  รถจักรยานยนต์คันละ 20 บาท  รถยนต์น้ำหนักไม่เกิน 2 ตัน คันละ 200 บาท รถยนต์น้ำหนักเกิน 2 ตัน คันละ 300 บาท  เป็นอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถที่ไม่แพงเกินไป  ในกรณีที่ตรวจสภาพรถไม่ผ่านเกณฑ์  จะใช้เวลาในการนำกลับมาตรวจสภาพอีกครั้งไม่เกิน 15 วัน และเสียอัตราค่าตรวจสภาพรถยนต์ไม่เกินครึ่งหนึ่ง 

เกณฑ์ที่ใช้ในการตรวจสภาพรถยนต์ให้ผ่านมีอยู่ด้วยกัน 3 อย่าง คือ  สัญญาณไฟ การเบรก และควันดำ  ถ้ารถเราตรวจสภาพไม่ผ่านต้องนำรถกลับไปแก้ไข  แล้วจึงนำกลับมาตรวจสภาพรถอีกครั้งหนึ่ง 

สามารถตรวจสภาพรถได้ที่ใดบ้าง

เราสามารถนำรถไปตรวจสภาพได้ที่ ตรอ.ใกล้บ้าน  โดยที่เราไม่ต้องเดินทางเอารถยนต์ไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งอำเภอ  สำหรับคนที่บ้านไกลนะครับ  ตรวจสภาพรถได้เลยที่ ตรอ.ใกล้บ้าน  ซึ่ง ตรอ.มีอยู่เยอะแยะมากในปัจจุบันนี้

อัตราค่าตรวจสภาพเท่าไหร่

การตรวจสภาพรถนั่นคิดอัตราค่าบริการไม่แพงเลยครับ ซึ่งแต่ละ ตรอ. ก็จะคิดราคาเหมือนกัน  อัตราค่าตรวจสภาพมีดังต่อไปนี้

  • รถยนต์เปล่าที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1.6 ตัน  คันละ 150 บาท
  • รถยนต์เปล่าที่มีน้ำหนักเกิน 1.6 ตัน คันละ 250 บาท
  • รถจักรยานยนต์ คิดคันละ 60 บาท

รถดัดแปลงสภาพตรวจได้ไหม       

การแก้ไขดัดแปลงตัวรถที่ส่งผลต่อความมั่นคงและแข็งแรงของตัวรถ  ต้องได้รับการอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกทุกครั้ง  หากฝ่าฝืนในการใช้รถต้องมีความผิดทางกฎหมาย  การติดตั้งอุปกรณ์แต่งรถ  ขนาดและตำแหน่งในการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องเหมาะสมและมีความปลอดภัยในการใช้งานบนท้องถนนทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอีกด้วย 

ขั้นตอนในการตรวจสภาพรถ

ขั้นตอนในการตรวจสภาพรถนั้นทำง่าย ๆ เลยครับ และมีสิ่งที่เราต้องเตรียมพร้อมไปดังต่อไปนี้

  • เจ้าของรถต้องมาด้วยตนเอง
  • รถยนต์ของเราที่เราต้องนำมาตรวจสภาพรถ
  • สมุดทะเบียนรถ
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสภาพรถ

เราจะต้องนำรถเข้าไปตรวจสภาพรถที่ ตรอ. หรือกรมการขนส่งทางบก  อย่างน้อยล่วงหน้าก่อนที่จะเสียภาษีประจำปี 3 เดือนเป็นอย่างน้อย  เมื่อนำเอกสารให้เจ้าหน้าที่พร้อมกับนำรถไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสภาพรถ  หากว่าตรวจสภาพผ่าน  เจ้าหน้าที่ก็จะออกเอกสารยืนยันว่าเราตรวจสภาพรถผ่านเพื่อให้เรานำไปยื่นเสียภาษีประจำปี  หากตรวจแล้วไม่ผ่าน  หรือมีจุดที่ต้องแก้ไข  เจ้าหน้าที่จะแจ้งเหตุผลให้เราทราบว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้ไขบ้างพร้อมทั้งเหตุผลที่ไม่ผ่านแก่เราอีกด้วย  เช่น  รถมีควันดำ , เบรกเสื่อมหรือหมดอายุ , ระบบไฟฟ้ารวน 

ถ้าเราตรวจสภาพรถแล้วไม่ผ่าน  แล้วเรานำรถไปปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลา 15 วันแล้วนำกลับมาตรวจสภาพอีกครั้ง  เราจะเสียอัตราค่าตรวจสภาพแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นครับ  และหากใช้เวลานานกว่า 15 วัน แล้วนำกลับมาตรวจสภาพใหม่จะต้องเสียอัตราค่าบริการในการตรวจสภาพเต็มอัตราค่าบริการ 

โฆษณาทิ้งท้ายกับ กฤษฎากู๊ดคาร์ อณาจักรรถมือสองบนถนนกาญจนาภิเษก มีรถให้เลือกมากกว่า 500 คันมากมาย ราคาถูก จัดไฟแนนช์ได้ทุกเคส

www.kitsadagoodcar.com