Nissan Rogue/X-Trail 2021 เผยโฉมอย่างเป็นทางการก่อนวางตลาด
ก่อนหน้านี้นิสันได้ประกาศถอดรายชื่อ 3 รุ่นที่จะไม่ผลิตต่อและได้พับสื่อต่างๆของ 3 รุ่นนี้อย่าง Nissan X-Trail, Nissan Teana และ Nissan Sylphy ให้หายไปจากตลาด นิสันในอเมริกาจึงประกาศเดินหน้าเปิดตัว Nissan Rouge เปแ็นที่แรกในโลก หรือที่ในไทยรู้จักกันในนาม X-Trail นั่นแหละ เรียกว่าในตลาดทางยุโรป Nissan Rouge ไม่ได้มียอดขายต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง เรียกว่าติด 1 ใน 5 SUV ที่ขายดีที่สุดในตลาด มาครั้งนี้ปรับโฉมครั้งใหญ่ และได้พัฒนาบนแพลทฟอร์ม NMF-C/D (Nissan Module Family) แพลทฟอร์มของ SUV และ Sedan ขนาดกลาง ช่วงหน้ารถถูกปรับปรุงในเรื่องของดีไซน์ทั้งหมด โดยใช้ลักษณะที่โดดเด่นของ Kicks e-Power มาผสมผสานด้วย
มาคราวนี้ตัวถังถูกปรับให้ไซด์เล็กลงแต่ภายในห้องโดยสารกลับมาขนาดที่เท่าเดิมเพราะนิสสันปรับในช่วง Legroom ขึ้น 15 มม. และเพิ่มช่องว่างที่ Headroom มากขึ้นถึง 17.7 มม. แต่สิ่งที่หายไปคือเบาะแถว 3 มีระยะฐานล้อที่สั้นลง ที่ 43.2 มม. ถึงฐานล้อจะสั้นลงแต่ภายในกลับกว้างขึ้น
All New Nissan Rogue/X-Trail เน้นดีไซน์ความหรูหราเป็นหลักโดยใช้วัสดุหนังให้มากกว่ารุ่นก่อนๆที่มีมา และมีการตัดสีให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมกับหน้าจอ Infotianment มาตราฐานขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay และ Android Auto พร้อมระบบเนวิเกเตอร์ที่สามารถเสริมแพคเกจตกแต่ง SL Premium ได้อีกด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องเสียงแบรนด์ Hi End อย่าง Bose ลำโพง 10 จุด
จอหน้าปัดเป็นเรือนไมล์ขนาด 7 นิ้วในรุ่นมาตราฐาน แต่ในรุ่น Platinum ดิจิต้อลขนาด 12.3 นิ้ว และยังเชื่อมต่อซิงค์เครื่องเล่นแสดงผลการตั้งค่าต่างๆอีกด้วย และในสวนของบริเวณคอนโซลกลางมีพอร์ท USB-A และ USB-C มาให้อีกด้วย
ในรุ่น Premium จกเพิ่มความหรูหราน่าสัมผัสด้วย เบาะหนังกึ่งอนิลินควิลท์ ตัดเย็บและเดินด้ายให้เป็นลายหยดน้ำ สีน้ำตาลเข้มทำให้ดูหรูหราเกินราคา ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Pro Pilot Assist และ Navi-Link และยังรองรับ Google CarPlay แบบไร้สาย และยังให้ระบบชาร์จไฟมือถือไร้สายด้วย Qi Wireless Charging Pad
ขุมพลังสำหรับ Rogue/X-Trail คือเครื่องยนต์รหัส PR25DD บล๊อคใหม่ล่าสุดของทาง Nissan ที่มีขนาด 2.5 ลิตร สี่สูบให้กำลัง 181 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 245 นิวตันเมตร ส่งกำลังลงที่ล้อหน้าผ่านระบบเกียร์แบบ CVT ทำให้ได้อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.75 กิโลเมตรต่อลิตร และ แบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 12.32 กิโลเมตรต่อลิตร และจะถูกวางจำหน่ายในช่วงปี หน้าของโซนอเมริกาเหนือ
อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติม :